วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2555
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับแคลเซียม
เร่งสูง ในช่วงวัยที่เหมาะสม เพราะช่วงวัยรุ่นเท่านั้น ที่ร่างกายจะเติบโตได้เต็มที่ที่สุด ยุคนี้ ความสูงเป็นสิ่งสำคัญในการเบิกทางไปสู่สิ่งที่ดีมากมายโดยเฉพาะอาชีพดารานัก ร้อง นายแบบนางแบบ หรือนักกีฬา ที่เป็นความใฝ่ฝันของวัยรุ่นหลายๆ คน แต่บางคนอาจอยากสูงเมื่อสายไป เพราะไม่รู้ว่าช่วงวัยรุ่น เป็นช่วงปีทองที่มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว เหมาะสมกับการเสริมแคลเซียม เพื่อพัฒนาร่างกายได้อย่างเต็มที่ มารู้จัก Growth Spurt กันเถอะ... ช่วงปีทองของวัยรุ่น หรือ Growth Spurt หากร่างกายได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่ จะมีส่วนสูงเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 6-11 ซม./ปี เลยที่เดียว โดยวัยรุ่นชาย จะอยู่ในช่วงอายุ 10 – 16 ปี ส่วนวัยรุ่นหญิงจะอยู่ในช่วงอายุ 9 – 13 ปี หรือก่อนมีประจำเดือน ซึ่งปัจจัยที่ช่วยให้เกิดการพัฒนาอย่างเต็มที่ นอกจากฮอร์โมน พันธุกรรม และการออกกำลังกายแล้ว อาหารก็เป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอาหารที่มีแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูง เช่น นมสด ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการเสริมสร้างความยาวของกระดูก หากขาดแคลเซียมในช่วงนี้ ก็จะทำให้เติบโตได้ไม่เต็มที่ แต่ถ้าหากได้รับแคลเซียมเพิ่มขึ้นก็จะมีการเจริญเติบโตที่รวดเร็วมาก เด็กในช่วงปีทอง จึงควรได้รับแคลเซียมวันละ 1,200 มก. หรือดื่มนมให้ได้วันละ 5 – 6 แก้ว ซึ่งเป็นปัญหาของเด็กไทยที่ส่วนใหญ่จะดื่มนมได้น้อย หรือไม่ชอบดื่มนม จึงควรกินแคลเซียมเสริม เพื่อให้ได้ปริมาณแคลเซียมและฟอสฟอรัสที่เหมาะสมในแต่ละวัน ด้วยความปรารถนาดีจาก บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด
คุณรู้หรือไม่ว่าการขาดแคลเซียม แมกนีเซียมและวิตามินบี เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิด ตะคริว!!!/
ภาวะกล้ามเนื้อเป็นตะคริว
ตะคริว (Muscle cramp) คือภาวะที่มีการหดเกร็งของกล้ามเนื้อโดยไม่มีการคลายออกตามปกติ มักเกิดไม่เกินสองนาที แต่อาจมีบางรายเกิดนานได้เป็นชั่วโมงหรือมากกว่านั้น และบางรายอาจเกิดบ่อยจนทำให้เกิดความทุกข์ทรมานและรบกวนการดำเนินชีวิตปกติได้ อาการนี้แม้จะไม่ส่งผลถึงแก่ชีวิต แต่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้หากเกิดในระหว่างทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น ขับรถหรือว่ายน้ำ ซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
โรคกล้ามเนื้อเป็นตะคริว สามารถเกิดได้ในทุกวัย และพบได้บ่อยมากขึ้นในผู้สูงอายุ โดยผู้หญิงและผู้ชายมีโอกาสเกิดได้ใกล้เคียงกัน กล้ามเนื้อที่เป็นตะคริวบ่อยที่สุด คือ กล้ามเนื้อน่องและเท้า รองลงมา คือ กล้ามเนื้อหลัง อย่างไรก็ตามตะคริวสามารถเกิดขึ้นได้กับกล้ามเนื้อทุกมัด
แม้ว่าโรคกล้ามเนื้อเป็นตะคริวจะเป็นโรคที่ไม่รุนแรง และมักหายได้เอง แต่เมื่อหายแล้วก็สามารถกลับมาเป็นใหม่ได้เสมอ ทั้งนี้ขึ้นกับสาเหตุการเกิดโรค
อาการ
อาการของโรคกล้ามเนื้อ เป็นตะคริว คือ การปวดกล้ามเนื้อเฉียบพลัน ปวดมาก คลำได้ว่ากล้ามเนื้อเกร็งแข็ง เป็นก้อนเข็ง เจ็บเวลาคลำ และเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อมัดนั้นไม่ได้เนื่องจากเจ็บหรือปวดมาก
สาเหตุ
1.เกิดจากการที่เอ็นและกล้ามเนื้อขาดการยืดตัวบ่อยๆ ส่งผลให้มีการหดรั้งและเกร็งได้ง่ายเมื่อมีการใช้กล้ามเนื้อนั้นมากเกินไป เช่น กล้ามเนื้อที่ถูกใช้งานเกินกำลังจากการเดินมากเกินไป หรือออกกำลังมากเกินขีดจำกัด รวมทั้งกรณีที่กล้ามเนื้อไม่สามารถผ่อนคลายได้ตามปกติจากการสวมรองเท้าคับ หรือสวมรองเท้าส้นสูงเป็นระยะเวลานาน
2.เกิดจากร่างกายสูญเสียปริมาณน้ำหรือสูญเสียเกลือแร่สำคัญในการคลายตัวของกล้ามเนื้อ ได้แก่ แคลเซียม เกลือโซเดียม โพแทสเซียม และแมกนีเซียม ซึ่งเกิดจากการเล่นกีฬาหักโหม ท้องเสียรุนแรง โรคลำไส้อักเสบ และโรคที่ส่งผลต่อสมดุลของเกลือแร่ในร่างกาย เช่น ไตวาย โรคของต่อมไทรอยด์ โรคเบาหวาน รวมทั้งภาวะการขาดวิตามินบี ขาดแคลเซียม ก็เป็นสาเหตุที่พบบ่อยอีกสาเหตุหนึ่ง
3.เกิดจากเซลล์ประสาทและเส้นประสาทที่ควบคุมการหดและคลายตัวของกล้ามเนื้อทำงานผิดปกติไป
4.เกิดจากการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อไม่ดีพอ ซึ่งมักพบในผู้ที่มีโรคที่ทำให้หลอดเลือดตีบ เช่น โรคเบาหวาน เป็นต้น
5.เกิดจากผลข้างเคียงของยาบางชนิด เช่น ยาขับน้ำ ยาลดไขมันบางชนิด ยาในกลุ่มสเตียรอยด์ ยารักษาโรคสมองบางชนิด
การดูแลตนเองและการพบแพทย์
- ขณะกำลังเกิดตะคริว
ควรนั่งพัก และประคบร้อนด้วยถุงร้อนหรือกระเป๋าน้ำอุ่น แล้วนวดผ่อนคลายกล้ามเนื้อมัดนั้น เมื่อกล้ามเนื้อคลายตัวแล้วจึงประคบเย็นด้วยน้ำแข็ง
รับประทานยาบรรเทาปวด เช่น ยาแก้ปวดพาราเซตามอล หรืออาจรับประทานยาคลายกล้ามเนื้อร่วมด้วย ตามที่แพทย์หรือเภสัชกรแนะนำ
- ควรพบแพทย์เมื่อ
เกิดตะคริวบ่อยจนรบกวนการดำเนินชีวิตประจำวัน
อาการเจ็บหรือปวดแต่ละครั้งรุนแรง หรือนาน2-3วันแล้วอาการปวดยังคงมากอยู่ แม้จะดูแลตนเองในเบื้องต้นแล้ว
มีอาการในช่วงเวลากลางคืนบ่อยจนส่งผลต่อการนอนหลับพักผ่อนจนสุขภาพทรุดโทรม
อาการปวดส่งผลต่อการเดินทางหรือใช้ชีวิตประจำวัน เกิดร่วมกับอาการชา หรือเมื่อหายปวดแล้วกลับมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงขึ้นเรื่อยๆ
การป้องกัน
1. รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่เป็นประจำทุกวัน โดยเพิ่มผักและผลไม้ในปริมาณมากเพราะอุดมไปด้วยเกลือแร่ที่จำเป็นแก่ร่างกาย
2. ดื่มน้ำสะอาดให้ได้อย่างน้อยวันละ6-8 แก้ว หากไม่มีโรคที่ต้องจำกัดปริมาณน้ำดื่ม
3. หาก เป็นตะคริวบ่อย ควรรับประทานอาหารที่มีเกลือแร่สำคัญเพิ่มขึ้น หรือเลือกรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เช่นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีแคลเซียม แมกนีเซียม และวิตามินบี เป็นองค์ประกอบหลัก
4. ออกกำลังกายด้วยการยืดกล้ามเนื้อทุกส่วนอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำทุกวัน โดยต้องวอร์มอัพก่อนออกกำลังกายและเล่นกีฬาใดๆเสมอ
5. สวมใส่รองเท้าให้เหมาะสมกับสรีระและลักษณะงานที่ทำ หากต้องสวมรองเท้าทั้งวันควรหาโอกาสถอดรองเท้าเพื่อผ่อนคลายและนวดเท้าเสมอ
6. ควบคุมหรือรักษาโรคที่เป็นสาเหตุของการเกิดตะคริว หากเกิดจากยา ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเปลี่ยนยา หรือปรับขนาดยาให้เหมาะสม
7. งดหรือจำกัดการดื่มสุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ไม่ให้เกินปริมาณ 1 ดริ๊งในผู้หญิงและ 2 ดริ๊งค์ในผู้ชายต่อวัน
Reference
1. ศาสตราจารย์เกียรคุณ แพทย์หญิงพวงทอง ไกรพิบูลย์.โรคกล้ามเนื้อเป็นตะคริว. โรคของกล้ามเนื้อ กระดูกและข้อ, 2554. หน้า 5-9.
2. นายแพทย์วีรศักดิ์ เมืองไพศาล.ทำไมเราจึงเป็นตะคริวและทำอย่างไรจะไม่เป็น.หนังสือพิมพ์ข่าวสด, 2552.
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)