ความสำคัญของโคลีนที่มีต่อเด็ก สรุปคุณสมบัติของโคลีน
1. เป็นสารอาหารที่จำเป็น และช่วยในการทำงานของระบบประสาท เช่นความจำ และการทำงานของกล้ามเนื้อ
2. ช่วยในการขนส่งไขมันและโคเลสเตอรอล ช่วยป้องกันไขมันอุดตันในเส้นเลือดและหลอดเลือดหัวใจ
3. ช่วยในการทำงานของตับให้เป็นปกติ การขาดโคลีนในสัตว์ทดลอง ทำให้มีไขมันสะสมในตับ และนำไปสู่การเป็นมะเร็งตับ โคลีน เป็นสารอาหารสำคัญตัวหนึ่งที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย มีความสำคัญต่อความสมบูรณ์ของโครงสร้างของผนังเซลล์ ( Structural integrity of cell membranes ) เมตาบอลิสมของเมธิล ( Methyl metabolism ) การส่งผ่านของกระแสประสาท ( Cholinergic neurotransmission ) การส่งสัญญาณผ่านผนังเซลล์ ( Transmembrane signaling ) และ เมตาบอลิสม กับ การขนส่งของไขมันและโคเลสเตอรอล ( อ้างอิงที่ 1 )โคลีนเป็นสารตั้งต้นหลักในการสังเคราะห์สารสื่อประสาทที่มีชื่อว่า อะเซททิลโคลีน (Acetylcholine) ซึ่ง Acetylcholine นี้เป็นสารสื่อประสาทสำคัญที่เกี่ยวข้องกับความจำ การควบคุมกล้ามเนื้อ และหน้าที่อื่นๆอีกหลายอย่าง ( อ้างอิงที่ 1 ) ดังนั้นโคลีนจึงมีผลต่อขบวนการส่งกระแสประสาทที่เกี่ยวข้องกับความจำและการ รับรู้เรียกได้ว่ามีบทบาทในพัฒนาการด้านการเรียนรู้ โดยเฉพาะระบบความจำ ( อ้างอิงที่ 2 ) รวมถึงมีการศึกษาในการใช้เพื่อป้องกันและรักษาโรคความจำเสื่อม ( Alzheimer’s disease ) ด้วย ( อ้างอิงที่ 3 )
บทบาทสำคัญอีกประการ หนึ่งของโคลีนคือ ทำให้ตับสามารถทำการขนถ่ายไขมันได้ ( Fat transportation ) และลดการสะสมไขมันในตับ ( Hepatic steastosis ) การทดลองในหนูพบว่า หากขาดโคลีนก็จะเกิดการสะสมไขมันที่ตับ ( อ้างอิงที่ 4 ) การศึกษาวิจัยในคน ก็พบว่า ผู้ที่ได้รับอาหารทางเส้นเลือด และมีการขาดโคลีน ก็จะเพิ่มไขมันสะสมในตับ เช่นกัน และยังมีระดับเอนไซม์ของตับสูงขึ้น ซึ่งเป็นอาการของภาวะตับอักเสบอีกด้วย และเมื่อได้รับ โคลีนก็จะลดการสะสมไขมัน และลดการอักเสบของตับได้จริง ( อ้างอิงที่ 5 ) สำหรับสัตว์ทดลองเช่นหนู สภาวะที่ตับมีไขมันสะสมนี้ ยังร่วมไปกับ เพิ่มอัตราการเป็น มะเร็งที่ตับได้ ( อ้างอิงที่ 6 ) ในทางกลับกัน เมื่อหนูทดลองเหล่านี้ได้รับ โคลีน เสริม ก็ลดการเกิดมะเร็งในตับได้เช่นกัน ( อ้างอิงที่ 7 )
นอกจากประโยชน์ดังกล่าวข้างต้นแล้ว โคลีน ยังมีประโยชน์ในด้านช่วยป้องกันไขมันอุดตันในเส้นเลือดและหลอดเลือดหัวใจ ด้วย ( อ้างอิงที่ 1 )
ปริมาณที่เพียงพอต่อร่างกายใน 1 วัน ( Adequate Intake ) สำหรับผู้ใหญ่ เพศชาย และ หญิง คือ 550 mg และ 425 mg ตามลำดับ ส่วนในเด็กช่วงอายุ 1-18 ปี จะเป็นดังนี้
อายุ 1-3 ปี ( ชาย/หญิง ) 200 mg
อายุ 4-8 ปี ( ชาย/หญิง ) 250 mg
อายุ 9-13 ปี ( ชาย/หญิง ) 375 mg
อายุ 14-18 ปี ( ชาย ) 550 mg
อายุ 14-18 ปี ( หญิง ) 400 mg ( อ้างอิงที่ 1 )
และมีรายงานการวิจัยถึงผลกระทบของการขาดโคลีนในมนุษย์ว่าจะมีผลทำให้ปริมาณโคลีนลดลงและเกิดความเสียหายต่อตับได้ ( อ้างอิงที่ 8, 9)
เอกสารอ้างอิง
1. The National Academies Press, Dietary Reference Intakes for Thiamin, Riboflavin, Niacin, Vitamin B6, Folate, Vitamin B 12, Pantothenic acid, Biotin and Choline. 12 Choline, pages 390-422.
http://darwin.nap.edu/nap-cgi/skimit.cgi?recid=6015&chap=390-422
2. Verbal and visual memory improve after choline supplementation in long-term total parenteral nutrition : a pilot study. JPEN J Parenter Enteral Nutr. 2001 Jan-Feb;25(1):30-5
3. Cognitive improvement in mild to moderate Alzheimer’s dementia after treatment with the acetylcholine precursor choline alfoscerate: a multicenter, double-blind, randomized, placebo-controlled trial. Clin Ther. 2003 Jan;25(1):178-93
4. Choline-deficiency fatty liver: impaired release of hepatic triglycerides. J Lipid Res. 1968 Jul;9(4):437-46
5. Lecithin increases plasma free choline and decreases hepatic steatosis in long-term total parenteral nutrition patients. Gastroenterology. 1992 Apr;102(4 Pt 1):1363-70
6. Accumulation of 1,2-sn-diradylglycerol with increased membrane-associated protein kinase C may be the mechanism for spontaneous hepatocarcinogenesis in choline-deficient rats. J Biol Chem. 1993 Jan25;268(3):2100-5
7. Inhibition of hepatocarcinogenesis in mice by dietary methyl donors methionine and choline. Nutr Cancer. 1990;14(3-4):175-81
8. Choline, an essential nutrient for humans. FASEB J. 1991 Apr;5(7):2093-8
9. Choline deficiency caused reversible hepatic abnormalities in patients receiving parenteral nutrition: proof of a human choline requirement: a placebo-controlled trial. JPEN J Parenter Enteral Nutr. 2001 Sep-Oct;25(5):260-8